ล่าสุด

ลิงค์ที่เป็นมิตร

จับตาท่าทีขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐ ก่อสงครามการค้า กระทบไทยอย่างไร

2025-02-06     HaiPress

จับตาท่าทีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ก่อสงครามการค้าสหรัฐกับประเทศคู่ค้า ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างไร

“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ประเมินสถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐกับประเทศคู่ค้าต่างๆ โดยระบุว่า “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐ เริ่มเดินหน้ามาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ โดยเป้าหมายกลุ่มแรกอยู่ที่ แคนาดา เม็กซิโก และจีน แม้ว่าจะมีการขยายเวลาการเก็บภาษีแคนาดาและเม็กซิโกออกไป 30 วัน หลังทั้งสองประเทศสามารถเจรจาบรรลุข้อตกลงในเบื้องต้นหลายข้อเกี่ยวกับความมั่นคงชายแดน

ท่าทีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของโดนัลด์ ทรัมป์

เม็กซิโก อัตราภาษีนำเข้า 25% และ แคนาดา อัตราภาษีนำเข้า 25% (ยกเว้นนำเข้าพลังงานเก็บ 10%) บังคับใช้วันที่ 4 ก.พ. 2568 ขยายเวลาการเก็บออกไปอีก 30 วัน

ข้อตกลงร่วมกัน

ส่งกำลังทหาร 10,000 นาย ไปประจำการตามแนวชายแดน ป้องกันการลักลอบสารเฟนทานิลข้ามพรมแดนสหรัฐทุ่มงบประมาณเสริมสร้างความมั่นคงชายแดนจัดตั้งกองกำลังร่วมระหว่างแคนาดาและสหรัฐแต่งตั้งผู้ควบคุมดูแลเฟทานิล ขึ้นบัญชีกลุ่มค้ายาว่าเป็นผู้ก่อการร้าย

จีน อัตราภาษีนำเข้า เพิ่มขึ้น 10% บังคับใช้วันที่ 4 ก.พ. 2568

ยุโรป เป้าหมายการเก็บภาษีต่อไป

การปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐ ในรอบนี้เป็นเครื่องมือที่มีขอบเขตมากกว่าการค้า โดยใช้ต่อรองประเทศคู่ค้าให้ยอมเจรจาตามเงื่อนไขที่เป็นประโยชน์ต่อสหรัฐ มากขึ้น อาทิ นโยบายส่งกลับผู้อพยพที่ผิดกฎหมาย แก้ปัญหาภัยคุกคามจากยาเฟนทานิล ดึงเม็ดเงินลงทุนกลับประเทศ ส่งเสริมภาคธุรกิจและการผลิตในประเทศ เสริมสร้างความมั่นคงของชาติ ซึ่งแตกต่างจากครั้งแรกที่มีวัตถุประสงค์เพียงต้องการสร้างความเป็นธรรมทางการค้าให้แก่สหรัฐ

สหภาพยุโรป เวียดนาม รวมถึงไทย มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกใช้เครื่องมือภาษีนำเข้าเพื่อต่อรองผลประโยชน์กับสหรัฐ ในลำดับถัดไป ซึ่งดูจากยอดมูลค่าการขาดดุลการค้าของสหรัฐ และสัดส่วนการพึ่งพิงตลาดส่งออกสหรัฐ เทียบกับ Nominal GDP โดยแคนาดาและเม็กซิโก พึ่งพิงตลาดส่งออกสหรัฐ ถึง 28.6% และ 18.2% ต่อ Nominal GDP ตามลำดับ สะท้อนถึงอำนาจการต่อรองของสหรัฐ ที่มากกว่า ในขณะที่จีนมียอดการเกินดุลการค้ากับสหรัฐ สูงสุด

อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐ คาดว่าจะส่งผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ผ่านแรงกดดันต่อเงินเฟ้อสหรัฐ เพิ่มสูงขึ้น จากราคานำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น โดยอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ห่วงโซ่อุปทานการผลิตกว่าครึ่งหนึ่งนำเข้ามาจากเม็กซิโกและแคนาดา และอุตสาหกรรมพลังงานของสหรัฐ ที่มีสัดส่วนการนำเข้าน้ำมันปิโตรเลียมจากแคนาดาและเม็กซิโกอยู่ที่ 63% ของการนำเข้าน้ำมันปิโตรเลียมทั้งหมดของสหรัฐ ซึ่งจะมีผลต่อทิศทางเงินเฟ้อที่ลงช้า และอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายได้น้อยกว่าที่ประเมิน ขณะที่การพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย คงขึ้นอยู่กับปัจจัยภายในประเทศมากกว่า

สำหรับผลกระทบต่อประเทศไทย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า สงครามการค้าครั้งนี้จะสร้างผลกระทบต่อภาพรวมการค้าโลกและส่งผลต่อเนื่องมายังการส่งออกไทย ดังนี้


1) ผลกระทบโดยตรงจากการส่งออกไทยไปสหรัฐ ลดลง โดยสินค้าที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีของสหรัฐ มากที่สุด ได้แก่ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน โซลาร์เซลล์ ยางล้อ เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น เนื่องจากมีมูลค่าการส่งออกไปสหรัฐ ค่อนข้างมาก และค่อนข้างมีความยืดหยุ่นต่อราคา

2) ผลกระทบทางอ้อมจากการส่งออกไปตลาดโลกได้น้อยลง จากการแข่งขันกับสินค้าจีนในตลาดโลกที่รุนแรงขึ้น อาทิ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ของเล่น เป็นต้น เนื่องจากเป็นสินค้าที่ไทยมีข้อได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบต่ำเมื่อเทียบกับจีน และเป็นสินค้าที่จีนมีมูลค่าการส่งออกสูง นอกจากนี้ การส่งออกไทยไปจีน ก็คาดว่าจะลดลงในกลุ่มที่มีความเกี่ยวเนื่องกับห่วงโซ่อุปทานการผลิตของจีน ได้แก่ ยาง พลาสติก ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ข้อสรุปยังขึ้นกับการเจรจา ซึ่งในกรณีที่มีการเลื่อนระยะเวลาการขึ้นภาษีนำเข้ากับไทยออกไป ส่งออกไทยอาจได้อานิสงส์สั้นๆ จากการส่งออกไปสหรัฐ ที่เพิ่มขึ้น เพื่อแทนที่การนำเข้าจากเม็กซิโก แคนาดา และจีน ที่โดนขึ้นภาษีไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สินค้าในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ยางรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น

ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ณ วันที่ 4 ก.พ. 68

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา
กลับไปด้านบน
©ลิขสิทธิ์ 2009-2020 อ่าวไทย [อ่าวไทย]      ติดต่อเรา   SiteMap