ล่าสุด

ลิงค์ที่เป็นมิตร

รู้จัก ‘อารยะดิอีสเทิร์นเกตเวย์’ ของกลุ่มเจ้าสัวเจริญ – โสภณพนิช – โรจนะ บนพื้นที่ 4.6 พันไร่

2025-02-12     IDOPRESS

รู้จัก ‘อารยะดิอีสเทิร์นเกตเวย์’ ของ 3 ตระกูลดัง บนพื้นที่ 4,600 ไร่ เน้นนวัตกรรมครบวงจร ปั้นฮับดึงการลงทุนทั่วโลก สร้างเมืองอัจฉริยะสีเขียว

ท่ามกลางความท้าทายจากความผันผวนทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ประเทศไทยจำเป็นต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมและนวัตกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก ‘บริษัท อารยะ แลนด์ ดีเวลลอปเม้นต์ จำกัด’ ซึ่งเป็นการร่วมทุนของ 3 ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมของไทย ได้แก่ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ของกลุ่มนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ,บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย จำกัด หรือเอเชีย อินดัสเตรียล เอสเตท ของนายชาลี โสภณพนิช จึงได้เปิดตัว ‘อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์’ (ARAYA THE EASTERN GATEWAY) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เกิดขึ้น

ภายใต้โครงการที่มีชื่อว่าThe First Industrial Tech Ecosystem in Thailand’ หรือระบบนิเวศเมืองอุตสาหกรรมและนวัตกรรมครบวงจรรูปแบบใหม่ ที่มุ่งเน้นการผสานรวมเทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยเข้าด้วยกันอย่างลงตัว บนพื้นที่กว่า 4,600 ไร่ บริเวณกิโลเมตรที่ 32 บางนา-ตราด ซึ่งเชื่อมต่อไปสู่ทางพิเศษกรุงเทพ-ชลบุรีสายใหม่ (Motorway) ใกล้สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ

โครงการดังกล่าวไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่สำหรับโรงงานและธุรกิจเท่านั้นแต่ยังเป็นศูนย์กลางของการวิจัยพัฒนาการแลกเปลี่ยนความรู้และการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่จะช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ยุคอุตสาหกรรม4.0 อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยระบบนิเวศที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของภาคอุตสาหกรรมอย่างครบวงจร ตั้งแต่การสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยไปจนถึงบริษัทขนาดใหญ่ โดยมีพื้นที่สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม พื้นที่สำนักงาน ศูนย์วิจัยและพัฒนา รวมถึงพื้นที่สำหรับธุรกิจบริการและไลฟ์สไตล์ เพื่อสร้างชุมชนที่เอื้อต่อการทำงานและการใช้ชีวิต

นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงระหว่างภาคอุตสาหกรรมกับสถาบันการศึกษาและหน่วยงานภาครัฐ เพื่อส่งเสริมการถ่ายทอดเทคโนโลยี การพัฒนาบุคลากร และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่จะเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน ทั้งยังมุ่งเน้นการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการอยู่อาศัยและการทำงาน ด้วยพื้นที่สีเขียว สิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย และระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ครบครัน เพื่อดึงดูดบุคลากรที่มีคุณภาพและสร้างแรงงานที่มีทักษะสูงที่จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

นฤตม์เทอดสถีรศักดิ์เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เปิดเผยว่า ประเทศไทยอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ ท่ามกลางการปรับโครงสร้างซัพพายเชนโลก และการย้ายฐานการลงทุนครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นโอกาสทองที่ไทยต้องคว้าไว้ โดยข้อมูลการลงทุนล่าสุดสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่แข็งแกร่ง ปีที่ผ่านมาบีโอไอ ได้รับคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนรวมมูลค่ากว่า 1.1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดในรอบ 10 ปี นอกจากนี้ ยังมีจำนวนโครงการลงทุนมากกว่า 3,100 โครงการ สูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้ง BOI แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการลงทุนระดับโลก

กลุ่มนักลงทุนที่เข้ามา ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ยุโรป จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น เซมิคอนดักเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง แบตเตอรี่ EV ศูนย์ข้อมูล (Data Center) บริการคลาวด์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และไมโครเทคโนโลยี ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจยุคใหม่ ทั้งนี้ ประเทศไทยต้องเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรเพื่อรองรับอุตสาหกรรมเหล่านี้ โดยการพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน

นอกจากกำลังคนแล้ว ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจลงทุนคือที่ดิน นักลงทุนมองหาพื้นที่ที่มีทำเลเหมาะสม ระบบโลจิสติกส์ที่ดี และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ต้องการระบบนิเวศ (Eco System) ที่เอื้อต่อการดึงดูดบุคลากรและธุรกิจสนับสนุน โครงการอารยะ ถือเป็นหนึ่งในโครงการที่ตอบโจทย์ดังกล่าว เนื่องจากเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมเชิงนวัตกรรมครบวงจร ประกอบด้วยศูนย์โลจิสติกส์ พื้นที่พาณิชย์ ชุมชน และแหล่งพลังงานสะอาด เช่น โซลาร์ฟาร์ม เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุน ที่สำคัญ โครงการอารยะตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ที่สามารถเชื่อมต่อกับสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นจุดแข็งในการสนับสนุนการขนส่งและการค้า การเปิดตัวโครงการอารยะในครั้งนี้จึงเป็นอีกก้าวสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ

ด้านกมลกาญจน์ คงคาทองกรรมการผู้จัดการ บริษัทอารยะ แลนด์ ดีเวลลอปเม้นต์จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้พัฒนาโครงการอารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์ ภายใต้แนวคิด ‘Industrial Tech Ecosystem’ หรือระบบนิเวศเมืองอุตสาหกรรมและนวัตกรรมครบวงจร ที่มุ่งเน้นการสร้างระบบนิเวศด้านอุตสาหกรรม เทคโนโลยีขั้นสูง และโลจิสติกส์แบบครบวงจร เพื่อส่งเสริมศักยภาพทางธุรกิจของผู้ประกอบการ ยกระดับคุณภาพชีวิตของบุคลากร และเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการลงทุนระดับโลก

โครงการตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพบริเวณกิโลเมตรที่32 ถนนบางนาตราดจังหวัดสมุทรปราการซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญระหว่างกรุงเทพฯกับภาคตะวันออกโดยสามารถเข้าถึงทางพิเศษกรุงเทพชลบุรีสายใหม่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(EEC) และท่าเรือแหลมฉบังภายใน60 นาที ทำให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจ โลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ ทั้งนี้ โครงการยังอยู่ใกล้กับศูนย์การผลิตของอุตสาหกรรมหลัก อาทิ ยานยนต์ ธุรกิจ E-Commerce และสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจและรองรับการขยายตัวของภาคธุรกิจในอนาคต

นอกจากนี้ บริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการอย่างยั่งยืน โดยนำแนวคิด เมืองอัจฉริยะสีเขียว (Green Smart City) มาใช้เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม หัวใจสำคัญของโครงการ ได้แก่ ‘Water Sensitive Urban Design’ (WSUD) การออกแบบเมืองโดยคำนึงถึงการจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการลดความเสี่ยงจากน้ำท่วม เพิ่มพื้นที่สีเขียว บำบัดน้ำเสีย และนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม,‘Green Energy’ การส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้แก่ผู้ประกอบการภายในโครงการ และ ‘Park & Recreation’ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพื้นที่สีเขียว โดยจัดสรรสวนสาธารณะและพื้นที่พักผ่อนเพื่อให้บุคลากรและชุมชนโดยรอบสามารถใช้ประโยชน์ ส่งเสริมสมดุลระหว่างการทำงานและคุณภาพชีวิต

สำหรับการออกแบบระบบนิเวศภายในโครงการประกอบด้วย6 องค์ประกอบหลัก ได้แก่

1. Industrial Tech Campus พื้นที่สำหรับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึงศูนย์ข้อมูล (Data Center) พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานล้ำสมัย รองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต

2. Logistics Park ศูนย์กลางโลจิสติกส์ คลังสินค้า และศูนย์กระจายสินค้าที่ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ เชื่อมต่อเครือข่ายขนส่งหลักของประเทศ รองรับธุรกิจที่ต้องการความคล่องตัวในการจัดส่งสินค้า

3. ARAYA Industrial Estate พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมสำหรับโรงงานขนาดใหญ่ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ ตั้งอยู่ภายใต้การกำกับของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (IEAT) ซึ่งได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีและการลงทุนจากภาครัฐ

4. Lifestyle & Amenities โซนไลฟ์สไตล์และพื้นที่บริการครบครัน อาทิ ร้านค้า ร้านอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ที่ทำงานและอยู่อาศัยในโครงการ

5. Community Services Centre ศูนย์กลางบริการชุมชน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น สวนสาธารณะ ลู่วิ่ง และสนามฟุตซอล เพื่อส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้คนในโครงการ

6. Residential Project พื้นที่ที่อยู่อาศัยสำหรับบุคลากร ผู้เชี่ยวชาญ และผู้บริหารในโครงการ ลดความจำเป็นในการเดินทางและสอดคล้องกับแนวคิด Work-Live-Play’ ที่เน้นความสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิต

“อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์ จึงไม่ได้เพียงเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีของไทย แต่ยังสะท้อนถึงการพัฒนาที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความเป็นอยู่ของผู้คน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจไทยและดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลกในอนาคต” กมลกาญจน์กล่าวทิ้งท้าย

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา
กลับไปด้านบน
©ลิขสิทธิ์ 2009-2020 อ่าวไทย [อ่าวไทย]      ติดต่อเรา   SiteMap