ล่าสุด

ลิงค์ที่เป็นมิตร

‘สุชาติ’ ชี้การเจรจาภาษีทรัมป์ทำได้ดี-แต่ไม่ปรับค่าเงินบาทแข็งเกินไปเศรษฐกิจฟื้นยาก

2025-08-15     HaiPress

“สุชาติ” อดีตรมว.คลัง มองการเจรจา "ภาษีทรัมป์" นับว่าทำได้ดี แต่หากรัฐบาลไม่ปรับค่าเงินบาทที่แข็งเกินไป เศรษฐกิจไทยจะฟื้นยาก ไม่มีเงินมาเพิ่มเทคโนโลยีและสินค้าใหม่ๆ ประเทศจะเติบโตช้า ประชาชนยากจน

เมื่อวันที่ 14 ส.ค.68  ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรมว.คลัง กล่าวถึงการเจรจา “ภาษีทรัมป์” นับว่าทำได้ดี แต่หากรัฐบาลไม่ปรับค่าเงินบาทที่แข็งเกินไป เศรษฐกิจไทยก็จะฟื้นยาก เพราะอะไร 1.เราถูกเก็บภาษีนำเข้า 19% นับว่าค่อนข้างดี เราไม่เสียเปรียบประเทศเพื่อนบ้าน แต่เรายังต้องกลับมาฟื้นเศรษฐกิจ และฟื้นรายได้ประชาชนด้วย หากเราไม่ปรับค่าเงินบาทที่แข็งไปมากเกินไป ซึ่งเกิดจากการกระทำของหน่วยงานเราเองที่ไม่เข้าใจกลไกเศรษฐกิจมหภาค เศรษฐกิจไทยก็จะฟื้นยาก

2. รัฐบาลต้องปรับค่าเงินบาทที่แข็งเกินไปมากๆ แข็งกว่าเงินรูปีอินเดีย 2.58 เท่า แข็งกว่าเงินด่องเวียดนาม 1.6 เท่า และแข็งกว่าเกือบทุกประเทศในโลก ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา หากไม่ปรับค่าเงินบาทให้อ่อนลงมาให้แข่งขันได้ รายได้ส่งออกและท่องเที่ยวก็จะน้อย ทำให้ผลผลิตและรายได้ประเทศ (GDP) น้อย  เศรษฐกิจจะเติบโตต่ำ ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศจะยากจน หนี้ประชาชนและหนี้รัฐบาลจะเพิ่มขึ้นมากขึ้นไปอีก

3. การปรับค่าเงินบาทลงมาให้เหมาะสม คงต้องฟื้นกฎหมายกองทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยน และกำหนดนโยบายเป้าหมายอัตราแลกเปลี่ยน (Exchange rate targeting) ซึ่งจีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม ก็ใช้อยู่

4.ผลกระทบของการกำหนดนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน ต่อความเจริญเติบโตของ GDP นั้น มีขนาดใหญ่มากกว่านโยบายการเงินและการคลังอย่างมาก

5.รัฐบาลไม่ต้องกู้เงินด้วย แค่กำหนดสูตรให้ค่าเงินบาทอ่อนลงให้เหมาะสม โดยจะไม่ถูกโจมตีค่าเงินบาท เพราะเราทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงมา การโจมตีค่าเงินบาทเหมือน ปี 2540 นั้น จะโจมตีได้ก็ต่อเมื่อค่าเงินบาทแข็งมากเกินไป

6.ประเทศเล็กๆ ที่มีระบบเศรษฐกิจที่เปิดมากอย่างประเทศไทย เราไม่ควรพยายามคุมเงินเฟ้อของเราให้ต่ำกว่าเงินเฟ้อโลก (ประมาณ 3-4%) เพราะจะทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นไปเรื่อยๆ จนการส่งออกและท่องเที่ยวลดน้อยลง ซึ่งมาลดการผลิต ลดการจ้างงาน แล้วเศรษฐกิจก็ไม่เจริญเติบโต ประชาชนยากจนลง

7.เราควรกำหนดเป้าอัตราแลกเปลี่ยนให้แข่งขันได้จะดีกว่ามาก โดยประเทศญี่ปุ่น (ปีค.ศ.1960) เกาหลี (1970) และจีน (1990) ล้วนเจริญเติบโตมาก จนเป็นประเทศพัฒนาแล้วมีเทคโนโลยีสูง ก็ด้วยการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนให้แข่งขันได้ดีมาก่อนทั้งนั้น

หมายเหตุ : 1.จากสูตร e=P/Pw,e คือดัชนีค่าเงินบาท,P คือดัชนีราคาสินค้าของเรา  และ Pw คือดัชนีราคาสินค้าของโลก หากเงินเฟ้อเราต่ำกว่าเงินเฟ้อโลก เงินบาทก็จะแข็งค่าขึ้น

2.เงินเฟ้อเราต่ำกว่าเงินเฟ้อโลกได้ เพราะเราเพิ่มปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจเราน้อยกว่าปริมาณเงินที่เพิ่มในระบบเศรษฐกิจโลก (ในที่นี้เศรษฐกิจโลกนับเฉพาะประเทศที่มีนโยบายเศรษฐกิจสมเหตุสมผล ไม่รวมประเทศที่มีเงินเฟ้อมากๆ เพราะพิมพ์เงินกระดาษมาใช้)

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา
กลับไปด้านบน
©ลิขสิทธิ์ 2009-2020 อ่าวไทย [อ่าวไทย]      ติดต่อเรา   SiteMap